ผู้คนจำนวนไม่น้อยนั้นหลงไหลไปกับความงดงามของโรงงานยามค่ำคืน ด้วยความงดงามของสิ่งก่อสร้างและเครื่องยนต์ของโรงงาน ภาพสะท้อนน้ำทะเล แสงไฟยามค่ำคืนของตัวโรงงานนั้นให้บรรยากาศที่โรแมนติกอีกด้วย คิตะคิวชูที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมนั้นเต็มไปด้วยจุดที่สามารถชมวิวกลางคืนของโรงงานได้มากมายทีเดียว (จากท่าเรือ JR โคะคุระเปิดให้บริการเดินเรือครูซชมวิวกลางคืนทุกวันเสาร์ที่ 1, 2, 3, 5 ของทุกเดือน)
ในปี 2015 ที่ทำการ โรงงานซ่อม โรงงานตีเหล็ก และส่วนอื่นๆทั้งหมด 4 ส่วนของโรงงานนั้นถูกรับเลือกให้เป็นมรดกโลกในด้าน "มรดกการปฏิวัติอุตสากรรมญี่ปุ่นสมัยเมจิในด้านการผลิตเหล็ก การต่อเรือ การผลิตถ่านหิน" ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการรับเทคโนโลยีจากตะวันตกผสมผสานกับประเพณีของญี่ปุ่น ทำให้สามารถพัฒนาอุตสาหรกรรมได้อย่างรวดเร็ว
สวนแห่งนี้เก็บรักษาเตาเผาที่หนึ่งของโรงงานยาวาตะ "ฮิงาชิดะไดอิจิโคโระ" ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน โดยเตาเผานั้นมีขนาดใหญ่สูง 100 เมตร ใช้สำหรับแยกเหล็กออกจากแร่หินเหล็ก ถือเป็นสัญลักษณ์ของโรงงานแห่งนี้อีกด้วย
ผู้คนจำนวนไม่น้อยนั้นหลงไหลไปกับความงดงามของโรงงานยามค่ำคืน ด้วยความงดงามของสิ่งก่อสร้างและเครื่องยนต์ของโรงงาน ภาพสะท้อนน้ำทะเล แสงไฟยามค่ำคืนของตัวโรงงานนั้นให้บรรยากาศที่โรแมนติกอีกด้วย คิตะคิวชูที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมนั้นเต็มไปด้วยจุดที่สามารถชมวิวกลางคืนของโรงงานได้มากมายทีเดียว (จากท่าเรือ JR โคะคุระเปิดให้บริการเดินเรือครูซชมวิวกลางคืนทุกวันเสาร์ที่ 1, 2, 3, 5 ของทุกเดือน)
ในปี 2015 ที่ทำการ โรงงานซ่อม โรงงานตีเหล็ก และส่วนอื่นๆทั้งหมด 4 ส่วนของโรงงานนั้นถูกรับเลือกให้เป็นมรดกโลกในด้าน "มรดกการปฏิวัติอุตสากรรมญี่ปุ่นสมัยเมจิในด้านการผลิตเหล็ก การต่อเรือ การผลิตถ่านหิน" ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เกิดจากการรับเทคโนโลยีจากตะวันตกผสมผสานกับประเพณีของญี่ปุ่น ทำให้สามารถพัฒนาอุตสาหรกรรมได้อย่างรวดเร็ว
สวนแห่งนี้เก็บรักษาเตาเผาที่หนึ่งของโรงงานยาวาตะ "ฮิงาชิดะไดอิจิโคโระ" ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน โดยเตาเผานั้นมีขนาดใหญ่สูง 100 เมตร ใช้สำหรับแยกเหล็กออกจากแร่หินเหล็ก ถือเป็นสัญลักษณ์ของโรงงานแห่งนี้อีกด้วย