ประวัติ Takashi Murakami
ทาคาชิ มุราคามิ (Takashi Murakami) เกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1962 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความที่เขาเกิดและโตในประเทศญี่ปุ่น เขาจึงมีความชื่นชอบในอนิเมะและมังงะเป็นอย่างมาก รวมถึงมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะทำงานในอุตสาหกรรมการผลิตอนิเมชั่น ด้วยความฝันนี้ทำให้เขาเลือกที่จะเข้าเรียนที่ Tokyo National University of Fine Arts and Music หรือ TOKYO GEIJUTSU DAIGAKU (Geidai)เส้นทางอาชีพ
เส้นทางศิลปะของทาคาชิ มุราคามิ (Takashi Murakami) เริ่มขึ้นจากการเป็นจิตรกรและปฏิมากรค่ะ โดยผลงานส่วนใหญ่ของเขานั้นจะได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือการ์ตูน มังงะ หรืออนิเมะของประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อนำเอกลักษณ์ของศิลปะในแบบฉบับของญี่ปุ่นมารวมกับศิลปะในแถบตะวันออกจึงเกิดเป็นป็อปอาร์ตในแบบฉบับของทาคาชิ มุราคามิ ซึ่งแสดงออกมาผ่านลายเส้นและตัวการ์ตูนที่มีสีสันสดใสไม่เหมือนใครในแบบฉบับของมุราคามิไม่ใช่แค่ทางเทคนิคที่หาตัวจับยาก
แต่ผลงานศิลปะของเขายังเต็มไปด้วยความหมายและปรัชญาที่สะท้อนแนวความคิดออกมาทางผลงานได้อย่างน่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่นผลงานที่ชื่อว่า Little Boy ผลงานศิลปะที่สื่อถึงเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณูเหนือเมืองฮิโรชิมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งชื่อผลงาน Little Boy ก็คือรหัสหรือ Codename ที่ใช้เรียกระเบิดปรมาณูที่นำมาทิ้งนั้นเองค่ะ ถึงแม้ผลงานชิ้นนี้จะสร้างขึ้นเพื่อเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ทาคาชิ มุราคามิ ก็สามารถทำผลงานศิลปะครั้งนี้ออกมาได้อย่างน่าสนใจ เต็มไปด้วยสีสันตามเป็นฉบับของศิลปะแนวป็อปอาร์ตที่เขาถนัด ด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นเหล่านี้ทำให้ทาคาชิ มุราคามิ ได้รับการขนานนามว่าเป็นศาสดาแห่งศิลปะแนว POP ART ของฝั่งเอเชียเลยทีเดียวค่ะ ในปี ค.ศ. 2002 ทาคาชิ มุราคามิ ได้รับการทาบทามจากมาร์ก เจค็อบส์ (Marc Jacobs) ให้ร่วมกันออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษให้กับแบรนด์ระดับโลกอย่างหลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ได้ออกแบบกระเป๋าออกมาในรูปแบบโมโนแกรมหลากสี มีลายลูกตา ลายเชอร์รี่ ตามแบบฉบับที่เขาถนัด ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และทำให้ชื่อเสียงของมุราคามิเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกค่ะ ในปี ค.ศ. 2007 มุราคามิได้เป็นผู้ออกแบบปกอัลบั้ม Graduation ของนักร้องแรปเปอร์ผิวสีอย่างคานเย เวสต์ (Kanye West) รวมไปถึงเป็นผู้กำกับ MV เพลง Good Morning ในอัลบั้มนี้อีกด้วย หลังจากนั้นเขาก็ได้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Supreme, Comme des Garçons, Vans, Issey Miyake, Google, Kaws รวมไปถึงแบรนด์นาฬิกาดังอย่าง Casio G-Shock จากประวัติคร่าว ๆ ของทาคาชิ มุราคามิ เพื่อน ๆจะเห็นได้ว่าผลงานศิลปะของเขาสามารถเข้าถึงจิตใจของคนได้ทุกแขนงผ่านลวดลายการ์ตูนแนว POP ART ที่ตัวเขาถนัดดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลงานของเขาจะได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก และผลงานอีก 1 ชิ้นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือดอกมุราคามิ (Murakami Flower) ที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของทาคาชิ มุราคามิ และตอนนี้ก็กำลังได้รับความนิยมกันแบบสุด ๆดอกไม้แห่งมุราคามิ (Murakami Flower) ทำไมถึงฮิตกันนะ?
เจ้าดอกมุราคามิเนี่ยความจริงแล้วได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบในศิลปะแนวป๊อปอาร์ตมานานแล้วค่ะ ถ้าหากนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ผู้นำเทรนด์แดนกิมจิอย่างจียง G-Dragon แห่งวง BigBang ก็เคยใส่ดอกไม้นี้เล่น MV เพลง BREATHE ด้วยเหมือนกันนะ และไม่ใช่แค่เพียงการนำดอกมุราคามิมาใส่เล่น MV เพียงอย่างเดียวในชีวิตจริงจียงก็เป็นแฟนผลงานของทาคาชิ มุราคามิด้วยเหมือนกันค่ะ หลังจากนั้นเจ้าดอกมุราคามิก็เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเรื่อยมา แต่กระแสอาจจะไม่เปรี้ยงปร้างเท่ากับตอนนี้ สาเหตุที่กระแสของดอกมุราคามิเริ่มกลับมาฮิตกันอีกครั้งในบ้านเราก็เริ่มจากการที่คนมีชื่อเสียงในบ้านเราอย่างเช่นน้องโมบายล์ BNK48 หยิบเจ้าดอกไม้นี้มาประดับบนเสื้อผ้านั้นเองค่ะ หลังจากนั้นเจ้าดอกมุราคามินี้ก็เริ่มกลับมาฮิตกันอีกครั้งในบ้านเรา และยิ่งเป็นกระแสมากขึ้นจากคลิปไวรัลในโซเชียลนั้นเองค่ะความหมายเบื้องหลังรอยยิ้มแห่งดอกไม้หลากสี
เจ้าดอกมุราคามิ (Murakami Flower) ที่เพื่อน ๆ กำลังให้ความสนใจกันอยู่ในตอนนี้เพื่อน ๆ ทราบกันหรือไม่คะ ว่าเจ้าดอกมุราคามิเนี่ยมันไม่ได้น่ารักเพียงอย่างเดียวนะ แต่มันยังมีความหมายอีกด้วยค่ะ หากจะย้อนกลับไปในอดีตมุราคามิได้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า ผมไม่ชอบดอกไม้ แต่การที่ผมได้มาเป็นครูสอนที่โรงเรียน มันทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป กลิ่นของมัน รูปร่างของมัน ทำให้ผมรู้สึกป่วย แต่ในเวลาเดียวกันผมกลับมองว่ามัน “น่ารักมาก” ดอกไม้แต่ละดอกแต่ละชนิดก็แสดงออกถึงความรู้สึก และตัวตนของมันแตกต่างกันไป และเขาก็ได้สร้างผลงานที่มีชื่อว่า “An Homage to Monopink, 1960 A” ที่สะท้อนถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อดอกไม้ที่มีเส้นบางๆ กันอยู่ระหว่าง ‘ความชอบและความเกลียด’ยิ้มเข้าไว้ ถึงแม้ภายในจะเจ็บปวด
เพื่อน ๆ บางคนอาจจะเข้าใจว่ารอยยิ้มของดอกมุราคามิคือรอยยิ้มแห่งความสุข ความสดใส ถึงแม้ภายนอกจะแสดงออกแบบนั้น แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ ลองสังเกตให้ดีภายในดวงตาอันสดใสของดอกไม้กลับมีรอยน้ำตาซ่อนอยู่ ทาคาชิ มุราคามิได้กล่าวถึงความหมายของดอกมุราคามิในงานนิทรรศการ Murakami’s ‘Flowers and Skulls’ exhibition ที่ฮ่องกงเอาไว้ว่า แรงบัลดาลใจของเขาเกิดจากเหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ เมื่อปี 1945 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อนิเมะหรือมังงะในประเทศญี่ปุ่นจึงมักเชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณูในครั้งนั้น และผลงานของมุราคามิก็เช่นกัน โดยผลงานที่สื่อถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ดีที่สุดก็เห็นจะเป็นผลงานที่มีชื่อว่า ‘Flowers and Skulls’ ซึ่งในภาพจะมีรูปหัวกะโหลกซ้อนทับกันอยู่มากมายสื่อถึงความสุญเสียและความสิ้นหวังในเหตุการณ์ระเบิดครั้งนั้น แต่ในภาพก็ยังมีดอกไม้ยิ้มแฉ่งบานสะพรั่งผุดขึ้นมากจากกองหัวกะโหลกเหล่านั้น มุราคามิกล่าวว่าดอกไม้เหล่านี้สื่อถึงความไม่เกรงกลัวต่อความสิ้นหวัง ถึงแม้ข้างในจะเจ็บปวดสักแค่ไหนแต่ก็ต้องยิ้มสู้ หลังจากนั้น มุราคามิยังได้กล่าวต่ออีกว่า พวกเราชาวญี่ปุ่นเป็นเพียงชนชาติเดียวที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับระเบิดปรมาณูในครั้งนั้น ที่ ๆ ทุกอย่างหายไปในพริบตา ขอบคุณชายผู้สร้างสิ่งที่มีพลังเหนือพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนั้นเคยทำให้เรามึนงง สับสน แต่ความรู้สึกในอดีตมันก็เป็นเพียงอดีต และดอกไม้ยิ้มแฉ่งที่เขาสร้างขึ้นก็เหมือนจะพูดว่า ‘โอเค!! พวกเราแพ้ แล้วไงอ่ะ?!!’ ถ้ามองผ่าน ๆ ดอกมุราคามิก็มีหน้าตาที่น่ารักและสีสันที่สดใส แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วดอกไม้ยิ้มแฉ่งดอกนี้มีความนัยอะไรซ่อนอยู่ ไอซึมองว่าดอกมุราคามิก็เปรียบได้กับคนญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายสักแค่ไหนพวกเขาก็ไม่เคยยอมแพ้ และพร้อมจะลุกขึ้นสู้กับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาเสมอ ช่างเป็นชนชาติที่มีใจเป็นนักสู้จริง ๆ ค่ะ ไอซึขอคารวะเลย เรื่องโดย : ไอซึ www.marumura.comหากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้