ไทย
ไทย
TOP
Feature
ทำไมสังคมญี่ปุ่นถึงไม่ยอมรับรอยสัก !!?
2018-11-18

ทำไมสังคมญี่ปุ่นถึงไม่ยอมรับรอยสัก !!?

หลายท่านอาจจะทราบกันดีว่าบ่อแช่น้ำร้อนออนเซ็นของที่ญี่ปุ่นนั้นห้ามผู้ที่มีรอยสักเข้าแช่ รวมไปถึงสถานที่อีกหลายแห่งที่ใส่ชุดเห็นผิว เช่น สระว่ายน้ำ ศูนย์กีฬา โรงแรมญี่ปุ่นแบบเรียวคัง
แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ปัจจุบันสำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วรอยสักก็ยังคงถูกมองด้วยภาพลักษณ์ทางลบ ที่มาของภาพลักษณ์นี้คืออะไร?

วัฒนธรรมการสักของญี่ปุ่น

สำหรับต่างประเทศแล้วการสักนั้นถือเป็นแฟชั่น และเป็นความเชื่อ ที่จริงแล้วในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็มีรอยสักดั้งเดิมตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นเช่นกัน รอยสักแบบญี่ปุ่นนั้นเรียกว่า Wabori(和彫り) ส่วนรอยสักของชาวยุโรปที่เราสักกันโดยทั่วไปนั้นเรียกว่า Tattoo(タトゥー)
รอยสักแบบ Wabori(和彫り) นั้นมีแรงบันดาลใจมาจากศาสนาพุทธและศาสนาชินโต รอบสักประเภทนี้ส่วนใหญ่มักจะมีลวดลายของพระเจ้า หรือบุคคล ภูติผีในตำนาน รวมไปถึงดอกไม้ในศาสนาชินโต เช่น ดอกซากุระ
การสักในสมัยก่อนนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความจงรักภักดีต่อพระพุทธเจ้า ช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้าย หรือเรียกแบบไทยๆว่าเป็นการสักยันต์

(ที่มา: Binder.donedat, flickr)

วัฒนธรรมการสักของชาวญี่ปุ่นนั้นได้เข้ามาภายในประเทศเพราะอาณาจักรรีวกีวที่ตั้งอยู่บนเกาะโอกินาว่า โดยในเอกสารต้นของกรุงรัตนโกสินทร์เรียกว่า "ลิชิ่ว" หรือ "ลิ่วขิ่ว" รอยสักของอาณาจักรนี้ถูกเรียกว่า "Hajichi" ผู้ที่ทำการสักนี้ได้ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น โดยเชื่อกันว่ารอยสักนี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองตนให้รอดพ้นจากอันตราย รวมไปถึงเพื่อแสดงว่าตนได้ผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะแล้วเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากราชอาณาจักรรีวกีวแล้ว ชนเผ่าไอนุ(アイヌ)หรือ ไอโนะ เป็นชนพื้นเมืองบนเกาะฮอกไกโดของประเทศญี่ปุ่น มีวัฒนธรรมการสักแบบดั้งเดิมในพิธีกรรมของชนเผ่า ทั้งสักปากและมือของผู้หญิง และพิธีกรรมนี้ยังคงถูกปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน รายงานบางฉบับได้บันทึกไว้ว่าตำนานของชาวไอนุนั้นอยู่ในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่หลายแสนปีที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ชาวญี่ปุ่นจะอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ความจริงได้ถึงต้นกำเนิดของชาวไอนุ

แล้วทำไมรอยสักถึงโดนมองว่าไม่ดีในสายตาคนญี่ปุ่น?

สาเหตุที่รอยสักถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่ดีในสายตาคนญี่ปุ่นนั้นมีหลายประการด้วยกัน
ในยุคสมัยเอโดะ ผู้ที่มีรอยสักนั้นหมายถึงผู้ที่เป็นนักโทษ โดยมีการสักบนหน้าผากหรือแขนของนักโทษ เพื่อแบ่งแยกผู้คนปกติกับผู้ที่เคยได้รับโทษ
และหญิงโสเพณีในยุคนี้ถูกเรียกว่า "Yujo(遊女)" จะมีการสักชื่อลูกค้าเพื่อแสดงความจงรักภักดีและเป็นการทำสัญญากับลูกค้า โดยสักชื่อของลูกค้าแล้วลงท้ายด้วย คำว่าInochi(命) ที่แปลว่าชีวิต, คำสั่ง แสดงให้เห็นว่าชีวิตนี้ของฉันมอบให้กับลูกค้า

(ที่มา: Fortune Johnny - flickr)

และที่หลายคนทราบกันดี รอยสักนั้นเป็นสัญลักษณ์ของยากูซ่า ทุกคนในภายกลุ่มจะต้องมีรอยสักเพื่อแสดงและพิสูจน์ความจงรักภักดี และการเสียสละต่อกลุ่มของตนเอง โดยเอกลักษณ์ของรอยสักยากุซ่านั้น ร่างกายของพวกเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยรอยสักรูปแบบ Wabori(和彫り)ขนาดใหญ่ ผู้คนทั่วไปที่เห็นรอยสักจึงคิดไปก่อนว่าเป็นยากูซ่า

ภาพลักษณ์และมุมมองของรอยสักในสังคมญี่ปุ่น

จากที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะทราบแล้วว่ารอยสักนั้นเป็นวัฒนธรรมส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นก็จริง แต่เป็นวัฒนธรรมด้านลบที่ไม่ได้รับการยอมรับจากบุคคลทั่วไป เพราะรอยสักนั้นแสดงถึงผู้หญิงโสเภณี, ยากูซ่า, นักโทษ มุมมองรอยสักจึงกลายเป็นตัวแทนของสิ่งไม่ดีในสังคมญี่ปุ่น สถานที่หลายแห่งจึงมีการห้ามผู้ที่มีรอยสักใช้บริการมาจนถึงปัจจุบัน

ป้ายสั่งห้ามผู้ที่มีรอยสักเข้า

ป้ายเหล่านี้มักพบเห็นได้ในบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็น สระว่ายน้ำของศูนย์กีฬา ชายหาด เป็นต้น หากคุณเป็นผู้ที่มีรอยสักอาจจะถูกมองว่าน่ากลัวในประเทศญี่ปุ่น และมีโอกาสถูกไล่ออกจากสถานที่นั้น

การสักไม่ได้เป็นสิ่งผิดกฏหมาย

แม้ว่าการมีรอยสักบนร่างกายจะไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผิดกฏหมาย เพียงแต่จะมีข้อจำกัดมากกว่าบุคคลที่ไม่มีรอยสัก คุณอาจจะไม่สามารถเข้าแช่ออนเซ็นได้ หากเข้าทำงานในประเทศญี่ปุ่นก็อาจจะโดนกดขี่ให้อยู่ระดับล่างเสมอ
แต่ด้วยกระแสของแฟชั่นทั่วโลกในปัจจุบัน การสักถูกมองว่าเป็นแฟชั่นมากขึ้น สังคมญี่ปุ่นจึงมีผู้สักมากขึ้น ถึงแม้กระทั่งอย่างนั้นหากคุณมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแนะนำให้คุณปกปิดรอยสักบนร่างกายคุณดีกว่าค่ะ
อีกสิ่งที่ควรรู้คือการสักนั้นมีเพียงแพทย์และผู้ที่ได้รับใบรับรองเท่านั้นจึงจะสามารถทำการสักให้ผู้อื่นได้
★ คูปองส่วนลดในการช็อปปิ้งญี่ปุ่น หรือโปรแกรมแปลภาษาสินค้าต้อง IKIDANE App★ iOS / AndroidIKIDANE NIPPON LINE@
หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้