ไทย
ไทย
TOP
Feature
เปิบพิสดาร “ดาวทะเล” ที่เกาะอามาคุสะ จังหวัดคุมาโมโต้
2018-04-29

เปิบพิสดาร “ดาวทะเล” ที่เกาะอามาคุสะ จังหวัดคุมาโมโต้

สวัสดีค่ะ เมื่อสองสามปีที่แล้ว ป้าหมวยยยเคยไปเที่ยวที่เกาะอามาคุสะ (天草 Amakusa) จังหวัดคุมาโมโต้ ก่อนไปอ่านเจอว่าที่นั่นมีอาหารเปิบพิสดารที่มีชื่อเสียงอยู่อย่างนึง อาหารที่ว่าคือ “ดาวทะเล” ค่ะ เล่าโดย : ป้าหมวยยย www.marumura.com สวัสดีค่ะ เมื่อสองสามปีที่แล้ว ป้าหมวยยยเคยไปเที่ยวที่เกาะอามาคุสะ (天草 Amakusa) จังหวัดคุมาโมโต้ ก่อนไปอ่านเจอว่าที่นั่นมีอาหารเปิบพิสดารที่มีชื่อเสียงอยู่อย่างนึง อาหารที่ว่าคือ “ดาวทะเล” ค่ะ จะว่าไปการกินดาวทะเลคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ประเทศจีน เห็นว่ามีแผงขายดาวทะเลย่างเสียบไม้ตามข้างทางเพียบ แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ถือว่าเป็นของแปลกค่ะ (ไทยเราก็ถือว่าแปลกนะ) ก่อนจะมาเปิบพิสดาร เราไปทำความรู้จักดาวทะเลกันก่อน
ดาวทะเลที่เก็บมาและทำความสะอาดแล้ว เครดิตภาพจาก http://r.gnavi.co.jp/g-interview/entry/2373 ดาวทะเล หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าฮิโตเดะ (人手 Hitode) ที่เอามากินนี้ เป็นดาวทะเลพันธุ์ที่เรียกทั่วไปว่า มะฮิโตเดะ (マヒトデ Mahitode) หรือคิฮิโตเดะ (キヒトデ Kihitode) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Northern Pacific Seastar (Asterias amurensis) เป็นพันธุ์ที่มีอยู่ทั่วไปในน่านน้ำทะเลญี่ปุ่น ปกติมีสีออกม่วงแดงหรือน้ำตาลแซมขาว อยู่ตามพื้นทะเลและโขดหิน กินสัตว์น้ำจำพวกกุ้งเล็กและหอยเป็นอาหาร
เกาะอามาคุสะ ประกอบด้วยเมืองอามาคุสะและเมืองคามิอามาคุสะ ชาวบ้านที่ตำบลโชงะทาเคะและเกาะโกโชโนะอุระ ทางตะวันออกของเกาะอามาคุสะติดทะเลยัทสึชิโระ เรียกดาวทะเลว่า “เม่นทะเลห้าขา” หรือโกะฮงงาเซะ (五本海胆 Gohongaze) แต่ก่อนกินกันเฉพาะในหมู่ชาวประมงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนั้น แต่ช่วงหลังร้านอาหารและเรียวคังที่ตำบลอื่น ๆ และในเมืองก็นำมาปรุงให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันด้วย โดยจะกินเฉพาะช่วงที่ดาวทะเลมีไข่ในช่วงเดือนมีนาคม – มิถุนายนของทุกปี และช่วงอร่อยที่สุดอยู่ที่ราวเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน วิธีปรุงง่าย ๆ คือ เอาดาวทะเลมาล้างและขัดสิ่งสกปรกออก เตรียมหม้อน้ำตั้งไฟใส่เกลือหนึ่งหยิบมือ แล้วเอาดาวทะเลลงต้มประมาณ 5-10 นาที แค่นี้เองค่ะ ต้มแล้วกลายเป็นสีส้มสวยน่ากิน(?) ตอนนั้นป้าหมวยยยไปพักเรียวคังแถวชิโมดะออนเซ็นทางใต้ เห็นป้ายเขียนว่ามีดาวทะเลให้ชิม ราคาตัวละ 200 เยนเลยจัดไปค่ะหนึ่งตัว เอาแค่นี้เพราะไม่เคยกินมาก่อน เขาจัดมาให้พร้อมกับอาหารไคเซกิมื้อเย็น
ดาวทะเลต้มสุกพร้อมรับประทาน ได้เวลาชิมแล้ว แต่ช้าก่อนนน… เขาไม่ได้ให้กินดาวทะเลทั้งตัวนะคะ ส่วนที่จะกินคือ “รังไข่” ที่เต็มไปด้วยไข่ของมันค่ะ เวลากินให้พลิกตัวหงายขึ้น แหวกร่องท่อดูดสีส้ม ๆ ตรงแขน ตักเอาไข่มากินค่ะ ไข่ดาวทะเลมีหลายเฉดสีตั้งแต่สีออกน้ำตาลอ่อนไปถึงเข้ม หรือบางตัวสีออกเหลืองอ่อนคล้ายอุนิหรือส่วนอวัยวะสืบพันธุ์ของหอยเม่นที่นิยมรับประทานกันทั่วไป
แหวกกินรังไข่ ป้าหมวยยยลองชิมแล้ว รสชาติมีทั้งรสจืดมันปนรสหวานอ่อน ๆ และเจือขมนิด ๆ สัมผัสคล้ายไข่ปลาผสมมันปูผสมอุนิ สัมผัสไม่รู้สึกว่าเป็นเม็ด ๆ อย่างไข่ปลาแต่ออกเป็นกระเปาะ ๆ มากกว่า เป็นรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยทานมาก่อนค่ะ ยังไม่ถึงกับอร่อยว้าว ส่วนตัวคิดเองว่าอาจจะเพราะไปช่วงต้นฤดู ไข่ยังไม่เจริญเต็มที่ ถ้าเป็นช่วงพีคไข่ตู้ม ๆ อย่างรูปล่างอาจจะอร่อยกว่านี้ (หรือเปล่า)
รังไข่ดาวทะเลช่วงพีคที่ดูน่าจะอร่อย เครดิตภาพจาก https://www.outdoorfoodgathering.jp/outdoorfood/ヒトデの正しい食べ方 นอกจากเอามาต้มให้กินเป็นตัว ๆ ราคาตัวละ 100 – 200 เยน มีร้านซูชิที่อามาคุสะประยุกต์ทำเป็นกุงกันมากิด้วยค่ะ ดูเหมือนว่าที่ตลาดท้องถิ่นไม่มีขายเพราะไม่ได้เป็นที่นิยมกันทุกครัวเรือนขนาดนั้น บางร้านพ่อครัวไปเดินจับเองช่วงน้ำลงที่อ่าวด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนว่า ถึงดาวทะเลมะฮิโตเดะเป็นสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นแต่คนทั่วไปไม่ควรจับไปบริโภคเอง เพราะดาวทะเลมีสารซาโปนินที่มีฤทธิ์เป็นพิษจึงไม่เหมาะกับการกินดิบ ๆ ต้องนำไปผ่านความร้อนด้วยการต้มหรือย่างจึงสลายพิษได้ และต้องระมัดระวังเกี่ยวกับแหล่งที่มาเพราะดาวทะเลอาจมีโลหะหนักสะสมอยู่ในตัว นอกจากนี้ยังมีบางสายพันธุ์ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันแต่มีพิษเป็นอันตรายด้วย ดังนั้นถ้าอยากลองชิมดาวทะเลสักครั้ง ป้าหมวยยยขอแนะนำให้มาที่อามาคุสะค่ะ เพราะมั่นใจได้ว่าดาวทะเลถูกจับมาจากทะเลที่สะอาดอุดมสมบูรณ์และปรุงโดยพ่อครัวท้องถิ่นผู้มีประสบการณ์ นอกจากนี้อามาคุสะยังเป็นแหล่งอาหารทะเลสดที่มีชื่อเสียง ผู้มาเยือนนอกจากได้ชิมของแปลกแล้ว ยังได้ลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่ด้วย ท่านใดได้ชิมดาวทะเลอามาคุสะแล้วเป็นอย่างไรมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ เรื่องโดย : ป้าหมวยยย www.marumura.com หากชอบบทความของเรา สามารถติดตาม Facebook FanPage ของเราได้